ราชบุรี” แบบ Unseen เปิดประสบการณ์ใหม่ไปกับทีมเชฟ Plant Power เที่ยววิถีเกษตรอินทรีย์ ชมความเป็นมาเมืองราชบุรี ของดีเมืองโอ่งมังกร และครีเอทเมนูสุดแสนอร่อยได้สุขภาพดีจากวัตถุดิบท้องถิ่น
ตามรอยทริปนี้ไปแบบ Unseen ฟาร์มฝันแม่… “ฝันของแม่ พ่อร่วมสร้าง ลูกสานต่อฝันแม่ด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์และด้วยปรัชญาชีวิต คืนให้แผ่นดินด้วยการแบ่งปัน” ซึ่งฟาร์มฝันแม่เป็นฟาร์มที่ปลูกพระเอกของเรา นั่นก็คือ แครอทพันธุ์คุโรดะที่ทีมเชฟ Plant Power จะมาครีเอทเมนู Farm to Table ในครั้งนี้
จุดเริ่มต้นของฟาร์มนี้ เกิดจากความฝันที่เป็นจริงของผู้เป็นแม่ ที่อยากมีที่ดินเป็นของตนเอง อยากปลูกผักที่ผลิตโดยปราศจากการใช้สารเคมี เพื่อให้หลายๆคนได้ทานแล้วมีสุขภาพที่ดี เราจะพามาเที่ยวชมขั้นตอน กว่าจะมาเป็นผลผลิตอินทรีย์นั้น มีวิธีการทำอย่างไรบ้าง ยากง่ายแค่ไหน พร้อมทั้งนั่งรถไถชมบรรยากาศที่สดใสกับความเขียวขจีของผักภายในฟาร์ม ที่ “ฟาร์มฝันแม่ เกษตรอินทรีย์”
ตามไป Unseen กันต่อ ไหว้พระขอพรในถ้ำเขาหัวคน ณ วัดมณีมงคล เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตที่สดใสของเรา รวมไปถึงชมความงามของหินงอกหินย้อย ภายในถ้ำ ที่บอกได้เลยว่าสวยงามจับใจมากจริงๆ พร้อมกับการบอกเล่าเรื่องราวของถ้ำจากไกด์คนท้องถิ่น ที่ทำให้เราทราบถึงประวัติความเป็นมาของถ้ำนี้ สัมผัสได้เลยว่าควรค่าแก่การอนุรักษ์จริงๆ
ที่พลาดไม่ได้อีก 1 Unseen ราชบุรี คือการเยี่ยมชมโรงผลิตโอ่งรัตนโกสินทร์ ถือได้ว่าโรงผลิตโอ่งแห่งแรกที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมทุกกระบวนการของการผลิตโอ่งมังกร ของดีเมืองราชบุรีนั่นเอง
และสุดท้ายไปชิมอาหารใน “คุก” ที่ร้าน Cook&Coff ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า การไปทานอาหารที่นี่ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ทั้งในด้านรสชาติอาหาร เครื่องดื่ม และสถานที่ เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์การทานอาหารในคุก ที่ประทับใจและไม่มีวันลืมแน่นอน
เรามาดูภาพและเรื่องราวที่ทางทีม Plant Power ได้เขียนและเล่าเรื่องราวที่ราชบุรีกันค่ะ

ส่งความสดใสจากในแปลงแครอทสายพันธุ์ชื่อดังจากญี่ปุ่นไปกับ 3 สาวสวยทีมเชฟ Plant Power (จากซ้าย) ผู้ช่วยเชฟ เต๋า วริศรา มายะชีพ เชฟ ตอง นุสรา ไทยธวัช, กับเจ้าของฟาร์มฝันแม่ คุณปลา ภีรดา ศรีสาหร่าย ในวิถีการท่องเที่ยวแบบ Organic Tourism

เช้าวันนี้ เรากับทีมเชฟ Plant Power มาระดมสมอง แลกเปลี่ยนความคิดเพื่อช่วยกันครีเอทเมนูสุดเด็ดโดยมีการนำวัตถุดิบจากฟาร์ม มาต่อยอดและแปรรูปเพื่อผลิตขาย และช่วยสร้างรายได้เพิ่ม อีกทั้งยังเป็นการช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวและชิมอาหารสูตรเด็ดจากวัตถุดิบในฟาร์มฝันแม่
พระเอกหลักของหัวข้อที่เราคุยกันในวันนี้นั้น จะเป็นการคัดสรรวัตถุดิบเด็ดๆ อย่างแครอทสายพันธุ์คุโรดะจากญี่ปุ่นที่ปลูกและเจริญเติบโตได้ดีมากๆในจังหวัดราชบุรี
ซึ่งสิ่งสำคัญคือ เราอยากนำทุกสิ่งทุกอย่างจากฟาร์มฝันแม่ เกษตรอินทรีย์ มาใช้ในการปรุงอาหาร เพื่อส่งต่อสุขภาพดีๆ ให้กับทุกคนที่ได้ทานอาหารจากฝืมือเชฟ Plant Power ของเรา

และแล้วก็มาถึงเวลาของ Food From Farm to Table ทีมเชฟ Plant Power ได้มีการคัดสรร เลือกวัตถุดิบ เพื่อใช้ในการทดลองสูตรเมนูเด็ด โดยเน้นวัตถุดิบท้องถิ่นเป็นหลัก ซึ่งนอกจากจะมีแครอทคุโรดะที่ปลูกที่ฟาร์มฝันแม่แล้ว ทีมเชฟ Plant Power ก็มีการเลือกน้ำส้มสายชูที่ทำจากสับปะรด จากฟาร์มในเครือข่ายของเรา
เนื่องจากพระเอกในเมนูเด็ดของเราวันนี้ เป็นแครอทสายพันธุ์คุโรดะเป็นสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่ปลูกได้ดีในเมืองไทย เชฟจึงคิดค้นและนำวัตถุดิบมารังสรรค์น้ำสลัดสุดอร่อยเป็นน้ำสลัด
สไตล์ “ลูกครึ่ง” ไทยญี่ปุ่นที่เมื่อได้ลองชิม บอกเลยว่าต้องร้องว้าวกับรสชาติสุดแสนอร่อยแน่นอน

พระเอกของเราในวันนี้ แครอทคุโรดะ เป็นแครอทสายพันธุ์ญี่ปุ่น แต่สามารถปลูกได้ดีมากๆในเมืองไทย โดยเฉพาะที่จังหวัดราชบุรี เนื่องจากมีดินที่ดี สภาพอากาศที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของแครอทสายพันธุ์นี้ โดยปกติแล้ว แครอทเป็นพืชในกลุ่มตระกูลผักชี มีสารอาหารทั้งวิตามินและเบตาแคโรทีนสามารถช่วยในการป้องกันมะเร็ง ซึ่งการทานที่จะได้เบตาแคโรทีนอย่างสูงสุด ต้องนำไปผ่านกระบวนการความร้อน จะทำให้ได้รับเบตาเคโรทีนมากกว่าทานแบบสดถึง 20-30 เท่า แต่ถ้าหากทานแบบสดก็จะช่วยในเรื่องบำรุงผิวพรรณและบำรุงสายตาได้ดีอีกด้วย
หลังจากที่ได้ลองชิมบอกได้เลยว่า ได้กลิ่นไอของความเป็นญี่ปุ่นมาแบบเต็มๆ คือแครอทสายพันธุ์คุโรดะนี้ จะมีความฉุนของกลิ่นคล้ายวาซาบิ หากทานสดรสชาติจะมีความซ่า แต่ถ้าหากเรานำไปทานด้วยการปรุงสุก รสชาติของเค้าจะมีความหวานที่กลมกล่อม มีความหอม ประกอบกับสีสันที่ดูสดใส ชวนทาน เหมาะกับการดูแลสุขภาพมากๆเลยค่ะ

และนี่ก็คือหน้าตาน้ำสลัดสไตล์ “ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น” ที่ทางเชฟ Plant Power รังสรรค์และผสมผสานวัตถุดิบของไทยและของญี่ปุ่นออกมาได้อย่างลงตัวสุดๆ แถมยังได้สุขภาพแบบเต็มๆจากวัตถุดิบฟาร์มอินทรีย์ โดยเราและทีมเชฟ Plant Power ได้นำมาจากฟาร์มฝันแม่ เกษตรอินทรีย์นั่นเอง
โดยวัตถุดิบหลักๆที่เราใช้ในในการรังสรรค์น้ำสลัดสุดแสนอร่อย จะมีจาก 2 สัญชาติด้วยกัน นั่นก็คือ วัตถุดิบญี่ปุ่นจะมีแครอทคุโรดะพระเอกของเรา และซีอิ๊วญี่ปุ่น ส่วนของวัตถุดิบไทยก็จะมี น้ำส้มสายชูสับปะรดจากฟาร์มเครือข่ายของเรา ขิง น้ำตาลมะพร้าว และน้ำมันพืช บอกได้เลยว่าอร่อย รสชาติดี ลงตัวสุดๆเมื่อทานกับผักสลัดสดสวยๆจากฟาร์ม

เรียบร้อยแล้วค่า From Farm to Table กับเมนูสลัดสุดแสนอร่อยและน้ำสลัดสไตล์ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ทำมาจากแครอทสายพันธุ์คุโรดะจากญี่ปุ่นแต่ปลูกในเมืองไทยที่จังหวัดราชบุรีของเรานี่เอง บอกได้เลยว่าจานนี้จัดเต็มทั้งคุณค่าทางสารอาหาร และได้สุขภาพที่ดีจริงๆ
ซึ่งน้ำสลัดสุดอร่อยนี้ เราจัดเสิร์ฟพร้อมสลัดหลากหลายชนิด กับมะเขือเทศที่ปลูกที่ฟาร์มฝันแม่ ถือเป็นเมนูที่ครีเอทได้สุดแสนอร่อยและได้รสชาติที่ลงตัวมากๆ กลายเป็นน้ำสลัด kuroda dressing ประกอบกับวัตถุดิบหลักๆ สไตล์ไทยญี่ปุ่น ตามคอนเซ็ปท์ของ Plant Power คือบอกได้เลยว่าจานนี้ “อร่อย ได้สุขภาพ ในแบบที่ทุกคนก็ทำได้”

“ฟาร์มฝันแม่” ความฝัน ความจริง และความรู้เกษตรอินทรีย์
วันนี้ เราและทีมเชฟ Plant Power ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชม “ฟาร์มฝันแม่” ฟาร์ม…ที่ก่อตั้งด้วยความรัก ความเอาใจใส่ และการดูแลผักในฟาร์มด้วยความรัก “ฟาร์มฝันแม่ เกษตรอินทรีย์” เป็นฟาร์มเกษตรอินทรีย์ที่มุ่งมั่น ตั้งใจที่จะปลูกผักไร้สารเคมีให้กับหลายๆคนได้ทาน เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี
หลังจากที่เข้าเยี่ยมชม เรารู้ได้ทันทีเลยว่า ฟาร์มฝันแม่นี้ ไม่มีการใช้สารเคมีใดๆในการปลูก มีการหมักปุ๋ยเอง ทำปุ๋ยใช้เองจากเศษใบไม้ในป่า อีกทั้งยังมีการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ใช้น้ำอย่างเหมาะสมกับผักที่ปลูกในฟาร์ม และทุกกระบวนการปลูกผักในฟาร์มฝันแม่นี้ ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยกับสิ่งแวดล้อม และผู้คนที่ได้ทานผักจากฟาร์มฝันแม่จริงๆ ตามคอนเซ็ปท์ “ดูแลด้วยรัก…ฟูมฟักดั่งลูก” ถือเป็นการท่องเที่ยวแบบ Organic Tourism จริงๆ

บอกได้เลยว่า “ฟาร์มฝันแม่” ฟาร์มที่เป็นมากกว่าแหล่งผลิตอาหารอินทรีย์จริงๆ เพราะที่นี่เหมาะสำหรับคนที่อยากมาเที่ยวชมบรรยากาศของฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ชิมผักสดๆ ออร์แกนิค ได้คุณค่าทางสารอาหารมากมาย รวมไปถึงผู้คนที่มีความฝัน อยากมีฟาร์มเกษตรอินทรีย์เป็นของตนเอง ที่นี่ก็ถือเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านฟาร์มเกษตรอินทรีย์จริงของจังหวัดราชบุรีเลยก็ว่าได้ และเจ้าของฟาร์มเองก็ยังยินดีเล่าให้เราฟังอย่างเต็มที่ สัมผัสได้ถึงความจริงใจและใส่ใจ
หลังจากที่เราได้เข้าชม รู้สึกได้เลยว่าที่นี่ทำให้ผู้มาเยือนฟาร์มฝันแม่ สามารถเข้าใจ เข้าถึงกระบวนการทำเกษตรอินทรีย์ได้ไม่ยาก แถมยังถือเป็นการท่องเที่ยวสไตล์ Organic Tourismที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนๆ ทั้งส่วนแปลงสลัด แปลงผักใบเขียว สวนป่า สวนผลไม้ และส่วนกิจกรรมที่พักอาศัย โดยแต่ละแปลงมีการจัดพื้นที่สวยงาม เหมาะสำหรับมาเที่ยวชม ถ่ายภาพ เรียนรู้ ซึ่งผู้ที่มาเยี่ยมชมฟาร์มนอกจากจะได้เรียนรู้เรื่องการปลูกผักแล้ว ก็ยังจะได้เรียนรู้การนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในแปลง สามารถพัฒนาต่อเนื่องได้อีกด้วย

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด กับการท่องเที่ยวแบบ Organic Tourism เมื่อมาเยี่ยมชม “ฟาร์มฝันแม่” เราอยากให้ทุกคนนั่งชิลไปกับรถแทรคเตอร์ ชมบริเวณรอบฟาร์มเพื่อสัมผัสเสน่ห์ฟาร์มที่ยกระดับสู่สมาร์ทฟาร์ม และเป็นการเที่ยวชิม ซึมซับบรรยากาศฟาร์มเกษตรอินทรีย์ของจังหวัดราชบุรีอีกด้วย
เนื่องจาก “ฟาร์มฝันแม่” นั้นมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนๆ ทั้งส่วนแปลงสลัด แปลงผักใบเขียว สวนป่า สวนผลไม้ และส่วนกิจกรรมที่พักอาศัยโดยแต่ละแปลงมีการจัดพื้นที่สวยงาม เหมาะสำหรับมาเที่ยวชม ถ่ายภาพ ดังนั้นหากใครได้มาเที่ยวราชบุรี และได้มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมชมฟาร์มฝันแม่ ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ตัวจริงที่ปลูกผักด้วยความรัก เราไม่อยากให้พลาดกิจกรรมดีๆ อย่างการนั่งชิลบนรถแทรคเตอร์ พร้อมรับบรรยากาศดีๆจากฟาร์มฝันแม่ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่แนะนำและไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเลยค่า

หากใครได้เดินทางมาจังหวัดราชบุรี อาจจะไม่เคยทราบว่าที่นี่มี “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ” ด้วยเหรอ?? ต้องบอกเลยว่า มี และเราแนะนำให้มาเที่ยวจริงๆค่ะ ก่อนอื่นเลยขอเล่าประวัติความเป็นมาซักเล็กน้อย “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี” นั้น สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 และได้รับการบูรณะเพื่อจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในปีพ.ศ.2431 ค่ะ
โดยลักษณะของอาคารจะเป็นศาลากลางจังหวัดราชบุรีหลังเดิม ซึ่งมีการปรับปรุงและใช้เป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวร เป็นอาคารที่ได้รับอิทธิพลด้านรูปแบบการสร้าง มาจากสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ซึ่งเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ และวิวัฒนาการของคนในจังหวัดราชบุรี โดยจะเริ่มตั้งแต่ยุคหินถึงยุคปัจจุบัน รวมถึงความเป็นมาของการสร้างบ้านในจังหวัดราชบุรีแต่ละยุคสมัย มีการจัดแสดงโบราณวัตถุ ร่องรอยของอารยธรรม ศิลปวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองหลากหลายชาติพันธุ์เลยค่ะ อีกทั้งยังมีการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับราชบุรีในทุกด้าน เช่น ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ชาติพันธุ์วิทยา ธรณีวิทยา ศิลปะพื้นบ้าน เครื่องมือเครื่องใช้ในการจับสัตว์น้ำ … เรียกได้ว่าใครที่ผ่านมาจังหวัดราชบุรี และอยากทราบประวัติความเป็นมาของจังหวัดนี้ เราแนะนำให้มาเยี่ยมชม “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี” เลยค่ะ คุณจะได้รับความรู้จัดเต็มและสิ่งที่น่าสนใจแบบ Amazing ราชบุรีแน่นอนค่า

โรงงานผลิตโอ่งรัตนโกสินทร์
แวะมาราชบุรีแล้ว ไม่มาก็คงไม่ได้ เพราะที่นี่ถือเป็น Unseen ของจังหวัดนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ
แต่ก่อนจะเข้าไปเยี่ยมชมภายใน ขอแชะภาพหน้าโรงงานผลิตโอ่งรัตนโกสินทร์ซัก 1 ภาพ เรียกว่าอดไม่ได้ที่จะแชะภาพจริงๆ เพราะงานปั้นที่นี่มีสีสันสดใส สะดุดตามากๆ
โรงโอ่งที่นี่เป็นที่แรก ที่เปิดโรงงานให้นักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา ผู้ที่สนใจได้เข้าชมทุกขั้นตอนการทำโอ่งมังกรและการทำเครื่องปั้นดินเผาตั้งแต่การปั้น ติดลาย เคลือบ และเตาเผา ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดราชบุรีเลยค่ะ นอกจากนั้นยังมีงานเซรามิคแนวโมเดิร์น ลายคราม และของที่ระลึกจากช่างฝีมืออีกด้วย บอกเลยว่าที่นี่งานปั้นเค้าเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจริงๆ

มื่อเดินเข้ามาภายในโรงงานผลิตโอ่งรัตนโกสินทร์ เราก็ได้มาพบกับการ “ปั้นโอ่ง” กันเลย ซึ่งบอกได้เลยค่ะว่า กว่าที่จะมาเป็นโอ่ง 1 ใบนั้น ต้องใช้คนในการปั้นหลายคนจริงๆ ทำให้เรารู้สึกได้เลยว่า การปั้นโอ่ง ไม่ใช่แค่การปั้นให้แล้วเสร็จเพราะกระบวนการปั้นโอ่งนั้นมีความลึกซึ้ง และมีกรรมวิธีที่มากมายเหลือเกิน
ตอนเยี่ยมชมเราก็มีโอกาสได้สอบถามช่างปั้นโอ่งผู้ที่มีประสบการณ์ ว่าทำไมต้องเป็นโอ่งจังหวัดราชบุรี จนได้คำตอบมาว่า “ดินที่จังหวัดราชบุรี” เป็นเนื้อดินที่มีความพิเศษกว่าพื้นที่อื่นๆ จึงทำให้ปั้นโอ่งสำหรับเก็บน้ำได้ดี อีกทั้งยังมีคุณสมบัติของดินที่สามารถยืดขยายได้มากกว่าดินที่อื่น ทำให้เมื่อนำดินมาตีเป็นโอ่ง ช่างปั้นก็สามารถจัดขนาด และปั้นโอ่งได้เนียนสวยตามต้องการเลย ถือเป็นความรู้ใหม่ที่ถ้าไม่มาเยี่ยมชม เราก็คงไม่ทราบถึงข้อดีข้อนี้จริงๆค่ะ

มาอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยว ที่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดราชบุรีเลยก็ว่าได้ “ถ้ำเขาหัวคน”
โหหหห !!ฟังจากชื่อก็ดูน่ากลัวมากๆแล้ว แถมไม่รู้สึกว่าน่าไปเที่ยวเลยแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับถ้ำชื่อดังในจังหวัดราชบุรี แต่ในขณะเดียวกันเราก็เกิดความรู้สึกที่ว่า ไหนๆก็มาเยือนถึงราชบุรีแล้ว ก็น่าจะเข้าไปเที่ยวไปสำรวจให้รู้กันไปเลยว่าภายในจะมีลักษณะเป็นอย่างไร
แต่กว่าจะถึงภายใน เราต้องพากันผ่านด่านแรกไปให้ได้ก่อน นั่นก็คือ บันไดจำนวน 205 ขั้น เรียกได้ว่าเดินกันจนเมื่อยขาเลยจริงๆ ซึ่งก่อนที่เราจะเดินเข้าไปถึงภายใน เราได้มองเห็นบริเวณปากถ้ำที่ลักษณะคล้ายเหมือนศีรษะคน มองเห็นทัศนียภาพด้านล่างที่สวยงาม จึงทำให้เราเข้าใจได้ถึงที่มาของชื่อ “ถ้ำเขาหัวคน” เพราะมีลักษณะคล้ายกับ ศีรษะของคนจริงๆ

หลังจากที่เราเดินกันจนผ่านพ้นบันไดทั้ง 205 ขั้นแล้ว จากนั้นต้องเดินลงบันไดไม้อีกนิดหน่อย เพื่อไปยังโถงถ้ำที่มีลักษณะเป็นห้องหลายห้อง ซึ่งถ้ำแห่งนี้นั้น มีตำนานเล่ากันว่า เจอหัวกระโหลกและโครงมนุษย์มากมาย รวมไปถึงเครื่องใช้ต่างๆในชีวิตประจำวัน เหมือนว่าภายในถ้ำแห่งนี้เคยมีคนมาอยู่อาศัย และยังมีการค้นพบพระพุทธรูป 3 องค์ อันได้แก่ องค์สมเด็จโตพรหมรังสี องค์หลวงปู่ทวด และเจ้าถ้ำประดิษฐานอยู่
แม้ว่าถ้ำแห่งนี้จะถูกปิดมานานก่อนเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม แต่หนึ่งสิ่งที่เราสามารถสัมผัสได้คือ ผนังถ้ำนั้น มีหินงอกหินย้อยลงมาเป็นรูปทรงงดงาม แปลกตาดุจภาพวาด เปล่งประกายระยิบระยับสวยงาม ถือเป็น Unseen อีกแห่งของจังหวัดราชบุรี นอกจากนี้ภายในยังมีถ้ำอีกชั้นข้างใต้ถ้ำ และมีค้างคาวตัวเล็กๆ ที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยว บินออกมาทักทายเล่นกับแสงไฟฉายของนักท่องเที่ยวอีกมากมาย ถือเป็นอีกหนึ่งถ้ำที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม และควรค่าแก่การ รักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่สืบไป เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เข้าชมความงามแบบนี้ไปอีกนานแสนนานเลยค่ะ

Cook&Coff เที่ยวราชบุรีแบบใหม่ ไม่ซ้ำใคร!!
“คุก แอนด์ คอฟ” เป็นหนึ่งในโครงการ คืนคนดีสู่สังคมของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม โครงการดีๆเช่นนี้ ก่อตั้งโดยนายยุทธนา นาคเรืองศรี ผู้บัญชาการเรือนจำกลางราชบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้ท่านได้เริ่มทำ “คุก แอนด์ คอฟ” ที่เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นที่แรก เมื่อครั้งที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่นั่น
เมื่อเราได้เข้ามาถึงภายในร้าน เราสัมผัสได้ถึงความใส่ใจ ทั้งในเรื่องของการตกแต่งที่เป็นโทนสีขาวอบอุ่น ดูงามตา รวมไปถึงการจัดโซนต่างๆ พร้อมบรรยากาศอันสุดแสนจะร่มรื่น พร้อมมุมถ่ายภาพมากมายที่ทำให้เราลบภาพของการทานข้าวในเรือนจำออกไปได้มากมายเลย แถมที่นี่เค้ายังมีอาหารอร่อยมากมายทั้งคาวและหวานให้เราได้ลองชิม และพลาดไม่ได้ก็คือเมนูเปาะเปี๊ยะทอดไส้กุ้ยช่าย น้ำจิ้มซีอิ้วดำเปรี้ยวๆเผ็ดๆ จัดว่าเป็นอีก 1 เมนูซิกเนเจอร์ที่อร่อย ทานง่าย และที่พลาดไม่ได้สำหรับสายเผ็ดที่อยากลองท้าทายความเผ็ดแบบดุดันไม่เกรงใจใคร ก็มีเมนูกะเพราพริก 3 สายพันธุ์ที่บอกได้เลยว่า จัดจ้านจนต้องร้องกรี๊ดออกมาแน่นอน เป็นที่ท่องเที่ยวอีก 1 แห่งที่ Amazing ราชบุรีมากๆเลยค่ะ
ขอขอบคุณภาพและเรื่องราวการเขียนจาก ทีม Plant Power #TAT #AmazingThailand #AmazingTasteGreatStory
0 comments on “Amazing and Unseen in ราชบุรี”